ผลเสียของหน้ากากต่อพัฒนาการของเด็ก
การใส่หน้ากากในมุมมองทางจิตวิทยา
ในสภาวะการณ์ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคโควิดทำให้เราเห็นมาตรการป้องกันในรูปแบบต่างๆทั้งมาตรการด้านสังคมและมาตรการป้องกันระดับบุคคลที่เน้นกันมากที่สุคคือ การใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งมีการบังคับโดยใช้กฎหมายให้ใส่เวลาที่ออกจากบ้าน ในบทความนี้จะไม่พูดถึงประสิทธิภาพของการใส่หน้ากากว่าช่วยป้องกันการติดเชื้อได้มากน้อยแค่ไหน เพราะขึ้นกับชนิดของหน้ากากที่ใช้ และวิธีการใส่ ตลอดจนปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย แต่คงต้องเน้นว่าการใส่หน้ากากนั้นไม่ได้ป้องกันการแพร่เชื้อได้มากอย่างที่เข้าใจ ที่สำคัญ ในบริเวณที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ในที่โล่งแจ้งกลางแดดซึ่งความเสี่ยงในการติดเชื้อต่ำมากๆอยู่แล้ว การใส่หน้ากากไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อลงเลย ซ้ำร้ายอาจจะก่อให้เกิดผลเสียอีกด้วย ผลเสียอะไรบ้างตามอ่านดูด้านล่างครับ
ผลกระทบต่อการพัฒนาการทางจิตใจจากการใส่หน้ากาก
เป็นที่ทราบกันดีว่าวัยเด็กเป็นวัยแห่งการพัฒนาการ สิ่งที่เกิดขึ้นกับกระบวนการพัฒนาการของเด็กมีผลกับเด็กคนนั้นไปตลอดชีวิต การสนับสนุนกระบวนการพัฒนาการของเด็กให้เป็นไปตามปกติจึงเป็นเรื่องสำคัญ ในการพัฒนาการทางด้านจิตใจนั้น ความสามารถสำคัญอันหนึ่งคือ ความสามารถในการรับรู้อารมณ์ของผู้อื่น ความสามารถนี้สอดคล้องไปในทางเดียวกับความสามารถในการรับรู้อารมณ์ตนเอง ความสามารถในการรับรู้อารมณ์นี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการบอกเล่า หรือ สอนด้วยการบรรยาย แต่จะเกิดได้จากการมีประสบการณ์จริง ได้ทำ ได้ปฏิบัติ เหมือนกับการฝึกทักษะด้านอื่นๆ การฝึกทักษะเพื่อรับรู้อารมณ์นี้เกิดขึ้นตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน โดยเด็กจะรับรู้อารมณ์ผู้อื่นจากการแสดงออกของคนใกล้ตัว จากการสังเกตสีหน้าท่าทางของบุคคลรอบข้าง ส่วนสำคัญของหน้าที่ทำหน้าที่ในการสื่อสารอารมณ์ คือ ปาก ริมฝีปาก การที่เด็กเห็นริมฝีปาก เห็นรอยยิ้ม หรือ รูปปากอื่นๆจะช่วยให้เด็กคาดเดาอารมณ์ของผู้อื่นได้ ความสามารถในการคาดเดาอารมณ์ของผู้อื่นนี้ จะช่วยให้เด็ก มีความเข้าใจ “จิตใจ” ผู้อื่น มีความเห็นอกเห็นใจ (empathy) ซึ่งช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะในการเข้าสังคมดีขึ้น การพัฒนาความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่นนี้ ยังมีผลกลับมายังความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของตนเองด้วย ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของตนเองนี้เป็นหัวใจสำคัญในการจัดการกับปัญหาทางอารมณ์ของเด็กไปตลอดชีวิต การใส่หน้ากากจึงมีผลกระทบด้านลบมากต่อกระบวนการพัฒนาดังกล่าว
การใส่หน้ากาก ยังเป็นการกระตุ้นให้เด็กเกิดความ “กลัว” กลัวอันตรายจากเชื้อโรค กลัวอันตรายจากสิ่งที่มองไม่เห็น ซึ่งทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาในภาวะที่คิดว่ามีอันตรายรอบๆตัว ซึ่งเป็นสภาวะเดียวกันกับผู้ป่วยโรคย้ำคิดย้ำทำที่คิดว่า ทุกหนทุกแห่งมีเชื้อโรคอยู่และต้องล้างมือซ้ำๆบ่อยๆ ความกังวลดังกล่าวก่อให้เกิดความระแวง ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ทำให้เด็กต้องอยู่กับความกลัวที่เกินจริงนี้ไปตลอดชีวิต
นอกจากผลข้างต้นแล้ว การใส่หน้ากากยังมีผลต่อการแสดงความคิดเห็น การแสดงความรู้สึกของเด็ก การปิดปากเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อฟังแบบไม่มีข้อโต้แย้ง การยอมรับโดยไม่สามารถแสดงความคิดเห็นของตนได้ ซึ่งมีผลทำให้เด็กยอมรับว่า ตนไม่มีสิทธิ ไม่มีเสียง ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นใดๆได้
ผลกระทบทางอ้อมทางจิตใจต่อเด็ก
นอกจากผลกระทบทางตรงดังกล่าวข้างตนแล้วการใส่หน้ากากยังก่อให้เกิดผลกระทบทางอ้อมด้วย กล่าวคือ นอกจากจะทำให้เด็กเกิดความวิตกกังวลแล้ว หน้ากากยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดความกังวลในผู้ใหญ่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตายาย ครู อาจารย์ หรือ ผู้ใหญ่อื่นๆที่อยู่รอบๆตัวเด็ก ความกังวลเหล่านี้ จะทำให้คนเหล่านั้น ต่อว่า ดุด่า ตำหนิ กล่าวโทษ เด็กถ้าหากเด็กไม่ใส่หน้ากากหรือ ใส่หน้ากากในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ความวิตกกังวลของผู้ใหญ่ การต่อว่าเด็กในเรื่องนี้ล้วนมีผลต่อการพัฒนาการทางจิตใจของเด็กทั้งสิ้น
ผลของการใส่หน้ากากต่อการพัฒนาทางร่างกาย
การใส่หน้ากากนอกจากจะมีผลเสียต่อจิตใจของเด็กแล้ว การใส่หน้ากากยังมีผลเสียต่อพัฒนาการทางด้านร่างกายของเด็กด้วย พัฒนาการที่สำคัญ คือ พัฒนาการของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นที่ทราบกันดีว่าเด็กแรกเกิดนั้นระบบภูมิคุ้มกันหลักที่ทำงานคือ ระบบภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิด Innate immune system โดยภายหลังเมื่อเด็กติดเชื้อก็จะค่อยๆพัฒนาภูมิคุ้มกันที่ได้จากการติดเชื้อ หรือ acquired immunity ขึ้นมา โดยพบว่า acquired immunity นี้มี “ความจำ” ที่ทำให้ร่างกายสามารถจดจำเชื้อโรค และจัดการกับเชื้อโรคได้ดีขึ้น ข้อมูลใหม่พบว่า innate immunity นั้นก็มี “ความจำ” ซึ่งทำให้เกิดแนวคิดใหม่ “trained immunity[1]” แนวคิดนี้บอกว่า การเลี้ยงเด็กแบบ “ไข่ในหิน” ไม่ได้เผชิญกับ จุลินทรีย์ (เชื้อโรค) เลยจะทำให้ภูมิคุ้มกันของเด็กอ่อนแอ ไม่แข็งแรง เสมือนกับการที่ไม่ให้เด็กออกกำลังกาย ไม่ให้เคลื่อนไหว อุ้มเด็กไว้ตลอดเวลา สุดท้ายกล้ามเนื้อของเด็กก็จะลีบเล็ก การกันไม่ให้เด็กได้เผชิญกับ จุลินทรีย์ ตามธรรมชาติ ไม่ได้เล่นดินเล่นทราย ก็จะเกิดผลเช่นเดียวกัน การใส่หน้ากากทำให้เด็กไม่ได้เผชิญกับ จุลินทรีย์ ที่มีอยู่ทั่วไปตามปกติในอากาศ ทำให้ภูมิคุ้มกันของระบบทางเดินหายใจของเด็กไม่แข็งแรง
นอกจากผลต่อภูมิคุ้มกันแล้ว การใส่หน้ากากยังทำให้เกิดการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดที่สูงขึ้น มีผลร้ายต่อการทำงานของสมองของเด็ก ทำให้เกิดอาการมึนงงศีรษะ (ที่จริงผู้ใหญ่ก็เป็นครับไม่เชื่อลองดูครับ ใส่หน้ากากให้มิดชิดแบบถูกวิธีสักพักก็จะรู้สึก) มีผลต่อการเรียน การเล่น และพัฒนาการของเด็ก
สุดท้ายที่สำคัญ โควิด ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายกับเด็ก อัตราการตายจากโควิดในเด็กต่ำมาก แถมอัตราการ “ติดเชื้อ” ก็ต่ำมาก[2] สาเหตุเพราะ เด็กมีภูมิคุ้มกันแบบ Innate immune system (ซึ่งเป็นระบบหลักด่านแรกในการจัดการไวรัส) ที่ดีเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่
ด้วยเหตุนี้ ผู้ว่าการรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกาจึงมีคำสั่ง “ห้าม” บังคับให้เด็กใส่หน้ากาก[3] ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน สนามเด็กเล่น ร้านอาหารหรือสถานที่ใดๆก็ตาม คำสั่งนี้ไม่ได้ห้ามไม่ให้เด็กใส่หน้ากาก ถ้าใครต้องการใส่ก็ทำได้ แต่ห้าม บังคับ ให้คนที่ไม่ต้องการใส่ ให้ใส่หน้ากาก ในขณะเดียวกัน ศาลในประเทศเยอรมันก็มีคำตัดสิน ห้ามไม่ให้มีการบังคับให้เด็กต้องใส่หน้ากาก[4] เมื่อไปโรงเรียนเช่นเดียวกับ โดยในคำตัดสินของศาลได้ระบุข้อมูล หลักฐานทางวิทยศาสตร์มากมายที่สนับสนุนคำตัดสินดังกล่าวด้วย
คำถามคือ ถึงเวลาหรือยังที่ ผู้ใหญ่ ในสังคมไทยจะให้ความรู้ที่ถูกต้องกับสังคม ออกมาปกป้องเด็กและเยาวชนของเราจากผลเสียที่เกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจในเรื่องของหน้ากากนี้
[1] https://science.sciencemag.org/content/352/6284/aaf1098.long , https://www.nature.com/articles/s41577-020-0285-6 , https://www.annualreviews.org/doi/10.1146/annurev-immunol-102119-073855
[2] สถิติอัตราการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ (จากเว็บไซต์ของ WHO)
อายุ 0-20: อัตราการเสียชีวิตจากโควิด 0.002%
ที่มาของข้อมูล: สถิติจากเว็บไซต์ WHO https://www.who.int/bulletin/online_first/BLT.20.265892.pdf
สถิติอัตราการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ (จากเว็บไซต์ของ CDC)
อายุ 0-14: อัตราการเสียชีวิตจากโควิด 0.0002%
ที่มาของข้อมูล: https://www.cdc.gov/nchs/nvss/vsrr/covid_weekly/index.htm#SexAndAge
[3] https://gov.texas.gov/news/post/governor-abbott-issues-executive-order-prohibiting-government-entities-from-mandating-masks , https://www.bitchute.com/video/WO4sdjjRQaIO/
[4]https://www.zerohedge.com/covid-19/german-judge-declares-mask-mandates-illegal-and-harmful-children