ปัญหาการตายที่เพิ่มสูงขึ้นภายหลังการได้รับวัคซีนได้รับความสนใจอย่างมากในต่างประเทศ อัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นนี้สวนทางกับการระบาดของโควิด ในประเทศไทยจากข้อมูลของกรมควบคุมโรคสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตเพียง 5 ราย/วัน แต่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาคนไทยเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ มากกว่า เดือนตุลาคม 2564 ถึง 4,712 ราย หรือเพิ่มขึ้น 10% โดยถ้าเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลังห้าปี จะเพิ่มขึ้นกึง 22%
ปัญหาการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวนี้พบในประเทศอังกฤษด้วย จนทำให้รัฐสภาของอังกฤษทำการสอบสวนเรื่องดังกล่าว ในระหว่างการอภิปรายเรื่องนี้ สส ท่านหนึ่งได้สรุปประเด็กหลักๆไว้อย่างน่าสนใจดังนี้
excess death หรือการเสียชีวิตที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติมีอยู่จริงๆ และมีรายงานที่อัตราการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ผลข้างเคียงที่รุนแรงจากวัคซีนมีอยู่จริงและมีมากกว่าที่รายงาน
หน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยา ในประเทศอังกฤษ MHRA (เทียบได้กับ อย ของไทยหรือ FDA ของอเมริกา) ได้รับงบสนับสนุนในการดำเนินงานจากบริษัทยา สูงถึง 86% ของงบประมาณ ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ในเมื่อหน่วยงานที่ ต้องตรวจสอบควบคุม บริษัทยา กลับรับเงินจาก บริษัทยา ซะเอง
การบังคับฉีดวัคซีนเป็นสิ่งที่ผิด
เด็กไม่จำเป็นต้องได้รับวัคซีน
ภูมิคุ้มกันจากธรรมชาติมีอยู่จริง
การให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีน ต้องให้ข้อมูลที่ครบถ้วนทั้งผลดีผลเสียที่เกิดขึ้น การให้ข้อมูลที่บิดเบือนถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อจรรยาบรรณแพทย์
สถิติที่ควรใช้ในการประเมินวัคซีนไม่ควรใช้แต่ RRR แต่ควรพิจารณาค่า ARR ด้วย
ไม่ควรมีการปิดปาก เซ็นเซอร์ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีน
การสอบสวนทำนองเดียวกันนี้ รัฐสภาไทย ควรต้องดำเนินการเช่นกัน ในการประเมินนโยบายสุขภาพ นโยบายใดๆก็ตาม ตัวชี้วัดที่สำคัญคือ อัตราการเสียชีวิตโดยรวมของคนไทย ในเมื่อข้อเท็จจริงในขณะนี้พบว่า คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังห้าปี ถึง 22% และสูงกว่าปีที่ผ่านมา 42,107 ราย !!!