งานวิจัยใหม่ยืนยัน ข้อมูลจริงที่พบว่า วัคซีนโควิดทำให้ภูมิคุ้มกันตก อ่านไม่ผิดครับ วัคซีนทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง งานวิจัยนี้ เป็นผลงานของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมปริดจ์ สหราชอาณาจักรอังกฤษ พบว่า ในผู้สูงอายุที่อายุ 70ปีขึ้นไป ที่ได้รับวัคซีน แอสตร้าสองเข็มแล้ว ได้รับเข็มบูสเตอร์เป็น mRNA มีภูมิคุ้มกันแบบ B cell ที่ลดลง โดยพบว่าแทนที่วัคซีนจะกระตุ้น B cell ที่ดี กลับไปกระตุ้น B cell ด้อยคุณภาพ จำนวนมาก B cell เหล่านี้ไม่สามารถสร้างแอนตี้บอดี้ที่ยับยั้งเชื้อไวรัสได้ ซ้ำร้ายยังพบว่า ทำให้ภูมิคุ้มกันแบบ T cell ลดลงด้วย
งานวิจัยนี้ น่าจะเป็นคำอธิบายที่ ไขข้อสงสัยว่า ทำไม ยิ่งฉีดเยอะ ยิ่งตายจากโควิดเยอะขึ้น แถมการที่ทำให้ T cell ลดลงยังอธิบายว่าทำไมฉีดแล้ว เจอมะเร็งกันเยอะขึ้นด้วย
เอ้าใครอยากฟังรายละเอียดนั่งล้อมวงเข้ามาครับ ก่อนอื่นต้องพูดถึงเรื่อง VAIDS ก่อน คำนี้ย่อมาจากคำว่า Vaccine Acquired ImmunoDeficiency Syndrome หรือแปลเป็นไทยได้ว่า ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำที่เกิดขึ้นภายหลัง (เกิด) จากวัคซีน ที่ต้องใส่ว่าเกิดขึ้นหลังเกิด เพราะมีอีกภาวะที่เป็นมาตั้งแต่เกิดที่มีสาเหตุต่างกัน ส่วนชนิดที่เกิดขึ้นภายหลังนั้นก็มีหลายสาเหตุ ติดเชื้อ HIV ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของการมีภูมิคุ้มกันต่ำได้ แต่มิใช่สาเหตุเพียงอย่างเดียว วัคซีนโดยเฉพาะตัว ยีนเธอราปี (Gene therapy) ที่มาหลอกกันว่าเป็น mRNA นั้นก็ทำให้เป็น AIDS ได้ แต่เป็น AIDS จากวัคซีน ไม่ใช่จากการติดเชื้อ HIV
mRNA ไปทำอะไรถึงทำให้เป็น AIDS?
คำตอบคือ ถ้ากลับไปอ่านภาคที่๑ จะเข้าใจว่า nanolipid ที่หุ้มยีนสไปก์โปรตีนของไวรัสนั้นไปได้ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะ ต่อมน้ำเหลือง เม็ดเลือดขาวและไขกระดูก ไขมันนาโนนี้ไม่ได้ไปยังอวัยวะนั้นๆเพื่อไปเที่ยวเฉยๆ แต่มันเข้าไปในเซลล์เม็ดเลือดขาวที่อยู่ในต่อมน้ำเหลือง เซลล์เม็ดเลือดขาวในกระแสเลือด และที่สำคัญเซลล์ต้นกำเนิดของเม็ดเลือดขาวในไขกระดูกด้วย พอเข้าไปในเซลล์เหล่านั้นแล้ว ก็บังคับให้เซลล์นั้นๆสร้างโปรตีนหนาม โปรตีนแปลกปลอมขึ้น โปรตีนเหล่านี้ก็จะมติดตามผิวเซลล์ กระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันของเราเองมาทำลายเซลล์เหล่านั้น
ทำลายเม็ดเลือดขาวในเลือด จำนวนเม็ดเลือดขาวก็ตก ทำลายเม็ดเลือดขาวในต่อมน้ำเหลือง เม็ดเลือดขาวก็อักเสบ แต่ที่แย่คือ ทำลายเซลล์ต้นกำเนิดของเม็ดเลือดขาวในไขกระดูก ร่างกายก็สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย
พอเม็ดเลือดขาวตก ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็ตก เกิดภาวะ AIDS จาก mRNA injection ที่เรียกกันว่า VAIDS ซึ่งทำให้โรคเก่ากำเริบ เป็นงูสวัด หรือ หน้าเบี้ยว Bell’s palsy หรือที่แย่กว่า คือ Turbo cancer หรือ คนปกติที่แข็งแรงดี ไม่มีโรค แต่กลับเจอมะเร็งขั้นสุดท้ายแบบโผล่มาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย พอรู้ว่าเป็นก็เจอขั้นสุดท้ายเลย ผู้ป่วยกลุ่มนี้ ลองไปตรวจเลือดดู CBC (complete blood count) แล้วดูค่าจำนวนเม็ดเลือดขาว (WBC) จะพบว่าค่าต่ำ หรือให้ดีดูค่า Lymphocyte เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งก็จำต่ำกวาปกติ
หรือถ้าอยากดูละเอียดกว่านั้นให้ดูค่า CD 4, CD8 และ NK cell
ถ้าค่าเหล่านี้ต่ำก็อาจจะเข้าสู่ภาวะ VAIDS
ต้องมาแก้ปัญหา ทำให้เม็ดเลือดขาวเหล่านี้เพิ่มขึ้น ทำอย่างไรตามอ่านต่อไปจนถึงตอนสุดท้ายครับ
จริงๆจะเล่าเรื่องเปเปอร์ข้างล่างแต่เผลอไปอธิบายเรื่อง VAIDS ซะก่อน งั้นเปเปอร์ข้างล่างขอยกยอดไปต่อ ภาค ๓ ละกันครับ
https://www.medrxiv.org/content/10.1101/2022.10.13.22281024v1
https://www.news-medical.net/news/20221023/Booster-vaccinations-in-the-elderly-lead-to-impaired-neutralization-of-SARS-CoV-2-and-atypical-B-cells.aspx